ข่าวการโดนที่ทำงาน ‘ลอยแพ’ แบบไม่ทันตั้งตัว หรือ ถูกเลิกจ้างกระทันหัน ในสถานประกอบการณ์หลายๆแห่งนั้น ก็อาจทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรามีหนาวๆร้อนๆ อยู่บ้างไม่น้อยค่ะ
เพราะจากวิกฤติเศรษฐกิจ และ ผลกระทบจากโควิด-19 จึงอาจทำให้หลายบริษัทไปต่อไม่ได้ หรือ มีนโยบายจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง จึงส่งกระทบโดยตรงแน่ๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อาจถูกเลิกจ้างแบบสายฟ้าแลบ หรือ ตกงานแบบกระทะหัน ไม่ทันได้ตั้งตัวจนสูญเสียรายได้ที่เคยมีไป..
เราจะมีวิธีรักษาผลประโยชน์ของตนอย่างไร มีสิทธิตรงไหนที่เรียกร้องได้ มีการจ่ายเงินชดเชยให้ยังไง และถ้าเป็นนายจ้างหรือฝั่งผู้ประกอบจำต้องระมัดระวังในเรื่องใด มาดูสิ่งที่สามารถเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือหากเกิดปัญหาในลักษณะนี้กันได้เลยค่ะ
ถูกเลิกจ้างแบบไหน ถึงมีเงินชดเชยให้
การเลิกจ้างที่เป็นธรรมที่สุด ซึ่งบรรดาลูกจ้างต้องรู้ และนายจ้างต้องทราบเพื่อการจ่ายเงินชดเชยให้ ก็คือ การทำงานจนครบ 120 วันขึ้นไป โดยถูกให้ออกจากงานแบบไม่ได้สมัครใจ ทั้งกรณีที่นายจ้างเคยแจ้งล่วงหน้าหรือไม่ก็ตาม แต่ตัวเราจะต้องไม่ถูกให้ออกจากงานด้วยสาเหตุต่อไปนี้
- การลาออกเองโดยสมัครใจ / ทุจริต หรือ มีความผิดอาญา
- ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย / ประมาทเลินเล่อจนนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- ฝ่าฝืนระเบียบในที่ทำงาน โดยมีหนังสือเตือนออกไปแล้ว / ทิ้งงานติดต่อกัน 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร
- สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลาแน่นอน หรือ การได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
ซึ่งการถูกเลิกจ้างในลักษณะนี้ ตัวลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินชดเชยใดตามที่กฎหมายระบุค่ะ
จะได้เงินชดเชยเท่าใด จ่ายเมื่อไหร่
ตาม พรบ.คุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 5 มีการกล่างถึง ‘ค่าชดเชย’ (Severance Pay) คือ เงินที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้กับลูกจ้างซึ่งไม่มีความผิด นอกเหนือจากเงินประเภทอื่นที่ได้ตกลงไว้ โดยมีเงื่อนไขประกอบที่ขึ้นอยู่กับอายุงานและเงินเดือน ดังนี้
- ทำงานติดต่อกันจนครบ 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี เงินชดเชยจะต้องไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
- ทำงานติดต่อกันจยครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี เงินชดเชยจะต้องไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
- ทำงานติดต่อกันจนครบ 3 ปี แต่ไม่ถึง 6 ปี เงินชดเชยจะต้องไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
- ทำงานติดต่อกันจนครบ 6 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี เงินชดเชยจะต้องไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
- ทำงานติดต่อกันจนครบ 10 ปีขึ้นไป เงินชดเชยจะต้องไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
- ทำงานติดต่อกันจนครบ 20 ปีขึ้นไป เงินชดเชยจะเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วันค่ะ โดยปกติแล้วเงินค่าชดเชยถูกเลิกจ้างนี้ นายจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างภายในวันสุดท้ายที่ได้ทำงาน หากไม่มีเงินชดเชยจำนวนดังกล่าว สามารถยื่นร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในแต่ละจังหวัดได้ ส่วนในกรุงเทพฯ ยื่นเรื่องได้ที่กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานค่ะ
ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือ ค่าตกใจ
หากถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้สมัครใจ โดยไม่บอกล่วงหน้าอีกต่างหาก ยังต้องมี ‘ค่าตกใจ’ เพิ่มด้วยนะ.. โดยการเลิกจ้างทั่วไป นายจ้างจะต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เป็น 1 งวด ของการจ่ายเงินค่าจ้าง และต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างน้อย 30 วัน
กรณีเลิกจ้างเพราะการย้ายสถานประกอบกิจการ ที่เห็นบ่อยๆในข่าว ก็ยังคล้ายกัน คือ ต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 30 วัน ไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเงินค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน หรือ ถ้ามีการบอกล่วงหน้าอย่างถูกต้องแล้ว แต่ลูกจ้างไม่อยากย้ายไปที่ทำงานใหม่ด้วย ก็ยังมีค่าชดเชยให้อีกไม่น้อยกว่า 50% ของค่าชดเชยการถูกเลิกจ้างที่ต้องได้รับ
ส่วนการเลิกจ้าง เพราะปรับปรุงหน่วยงาน/การผลิต/การบริการ/เปลี่ยนแปลงเครื่องจักรและเทคโนโลยี จนต้องลดจำนวนลูกจ้างลง จะต้องมีการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน ไม่เช่นนั้นต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยว่า เงินค่าจ้างอัตราสุดท้าย 60 วัน ยิ่งถ้าเป็นลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันจนครบ 6 ปีขึ้นไป จะมีสิทธิชดเชยพิเศษเพิ่มอีก คือ ค่าจ้างอัตราสุดท้าย 15 วัน ต่อ การทำงานครบ 1ปีด้วย
โดยหลังจากที่เราได้จัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ กับทางฝ่ายบุคคลเรียบร้อยแล้ว ควรขอใบรับรองการผ่านงานจากทางบริษัทฯ เพื่อรับรองประสบการณ์การทำงาน และยืนยันว่าไม่ได้ถูกให้ออกจากงานจากการทำผิดวินัย พร้อมการขอเอกสารใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือใบ 50 ทวิ สำหรับใช้ยื่นแสดงรายได้ของปีนั้นๆ ด้วย
สิทธิจากประกันสังคม
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีประกันสังคม หากเราโดนเลิกจ้างกะทันหันขึ้นมา ยังมีสิทธิอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะได้ คือ การยื่นเรื่องเพื่อขอรับผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน โดยสามารถเข้าไปที่ยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้านทุกแห่ง หรือทำรายการผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม
สิทธิประโยชน์นี้ จะต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือ ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน โดยจะต้องรีบดำเนินการขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้ถูกเลิกจ้าง เพื่อรับเงินชดเชยในจำนวน 50% ของรายได้ เป็นระยะเวลา 6 เดือนค่ะ (ไม่เกิน 180 วัน ในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ที่คำนวณจากฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท)
อาจโดน ‘เลิกจ้างกระทันหัน’ ต้องมีเงินสำรองเผื่อความอุ่นใจ!
การถูกเลิกจ้างกะทันหัน ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา สำหรับวัยทำงาน/มนุษย์เงินเดือนทุกคนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถือน่าหวาดเสียวเอามากๆ ถ้าไม่เกิดขึ้นมันก็ดี แต่หากต้องรับมือหรือเกิดกับคนใกล้ตัว ก็อย่าพึ่งตกใจจนลืมเรื่องสิทธิประโยชน์ที่สามารถเรียกร้องได้เอาซะล่ะ..
เราจึงต้องตั้งสติ เพราะในทุกปัญหามีทางออก ยังมี “เงินชดเชยการถูกเลิกจ้าง” ซึ่งเป็นความคุ้มครองหากต้องถูกเลิกจ้างกะทันหันแบบไม่สมัครใจและไม่มีความผิด โดยนายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยนี้ให้ภายในวันสุดท้ายที่ทำงาน หากไม่มีเงินชดเชยดังกล่าวก็สามารถยื่นร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานฯได้ นอกจากนี้ ยังมีค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือที่เรียกกันว่า ‘ค่าตกใจ’ และ เงินช่วยเหลือกรณีว่างงานจากประกันสังคมแล้วแต่กรณีค่ะ
สิ่งสำคัญ คือ ตัวเราเองก็จะต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นเสมอ ด้วย “เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน” ที่ย้ำหนักย้ำหนา เพื่อการประคับประคองตนเองและครอบครัวได้สักช่วงระยะจนกว่าที่จะหางานใหม่ได้ (สัก 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน) โดยอาจเปิดเป็นบัญชีออมทรัพย์ ที่เบิกถอนเอายากๆ หรือ เงินฝากแบบพิเศษที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิตค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากวางแผนการเงินให้ยืนยาวและมั่นคงที่สุด ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ MoneyDuck กันได้ด้วย แล้วพบกันใหม่บทความหน้าจ้า!
อนุพงศ์
บทความที่เขียนออกมานี่ ช่าง ทันต่อเหตุการบ้านเมืองของเราจริงๆเลยครับ ตอนนี้คนที่ถูกเลิกจ้างเอยะมากเลยครับ ขนาดตัวผมยัง ก็ยังเสียวๆเลยครับ ไม่รู้ว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะเป็นยังไงบ้าง แต่ น่าจะดีหน่อยนะครับ เพราะอาชีพอย่างเรามันจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย เวลาโดนเลิกจ้าง กฏหมายก็ยังคุ้มครองเราครับ อยางน้อยๆก็มีเงินชดเชยอย่างที่บอกเอาไว้
ฟานี่
เพิ่งรู้จากบทความนี้ว่า การเลิกจ้างมีค่าบอกกล่าวล่วงหน้าหรือค่าตกใจให้กับลูกจ้างด้วย พวกรายละเอียดและเงื่อนไขหลายอย่างในการจะได้รับเงิน เราเองยังไม่รู้เลยอะ ดีมากเลยค่ะที่มีบทความแบบนี้ออกมาให้ทุกคนได้รู้ข้อมูลกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกจ้างจะได้รู้สิทธิ์ของตัวเองเมื่อถูกเลิกจ้าง ยิ่งช่วงนี้น่าเป็นห่วงหลายคนที่ถูกเลิกจ้างนะคะ
โจ๊กเปล่า?
คนที่ถูกเลิกจ้างแบบไม่ทันตั้งตัวไม่ได้มีใครมาบอกล่วงหน้าน่าเห็นใจมากนะครับ ดีที่มีช่องทางให้พวกเขาได้รับเงินชดเชยหรือได้รับการดูแลบ้าง ไม่มีงานแต่ค่าใช้จ่ายต่างๆยังเหมือนเดิม ถ้าไม่มีเงินเก็บอยู่บ้างก็ลำบากเลยครับ ใครกำลังหางานทำขอให้หางานทำได้กันทุกคน และได้รับเงินชดเชยหรือเงินอะไรก็ตามที่คุณควรจะได้นะครับ
กนกพรรณ
ที่เราเจอกับคนที่เรารู้จักด้วย คล้ายๆกับบทความนี้บอกเลยคะ คนที่เรารู้จักทำงานมาหลายสิบปีแล้ว เงินเดือนก็ได้เยอะด้วย เพราะอยู่ในระดับ หัวๆ ของที่ทำงานเลย เขาบอกว่า ช่วง โควิดมานี้ พยายามบีบให้เขาออกจากงานมาก มีทั้งเพิ่มงาน ลดจำนวนวันลา ลง คือแบบทำทุกอย่างเพื่อให้ออก แต่เหมือนกับเขาอยากให้เราลาออกเอง เหมือนที่ว่าเลย จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้
นายสุนทร
โดนเลิกจ้าง ตอนนี้เจอกันเยอะเลยครับ ปัญหาคือ ส่วนใหญ่แล้วได้เงินชดเชยไม่เท่าที่ประกันสังคมเขากำหนดสิครับ หลายคนถูกเลิกจ้างแต่ไม่ได้เงินครบตามที่แจ้งเอาไว้ ไม่ทราบว่าแบบนี้คนที่ถูกเลิกจ้างสามารถทำอะไรได้บ้างครับ เพราะว่า บริษัท ก็ปิดไปแล้ว ตามตัวเจ้าของ บริษัท ก็ไม่น่าจะเจอแล้วครับ แบบนี้ เราพอมีวืธีอะไรบ้างครับ
เป่าลูกโป่ง
นึกถึงช่วงที่มีการปลดพนักงงานออกจำนวนมากๆตอนที่มีการระบาดของโควิด-19 นะคะ บทความนี้ให้คำแนะนำที่ดีจริงๆ ตอนนั้นคนที่ถูกปลดออกจากงานคงรู้สึกเหมือนกับว่ามืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป บทความ "รับมืออย่างไรเมื่อถูก ‘เลิกจ้าง กระทะหัน’" ดีจริงๆที่ออกมาให้ได้อ่านกัน คนที่ยังมีงานทำอยู่ก็อ่านเป็นความรู้ไว้ได้ค่ะ
ปราลพ
อันนี้พูดถึงคนที่มีประกันสังคมใช่ไหมครับที่จะได้รับเงินในส่วนที่บอกเอาไว้ ถ้าเป็นแบบผมละครับ เป็นพนักงานที่กินเงินรายวันครับ ถ้าวันหนึ่งผมถูกเลิกจ้างขึ้นมาก็จบเลยใช่ไหมครับ อยากทราบจังตรับว่าถ้าอย่างในกรณีของผมที่เป็นพนักงานรายวัน (ทำงานมาหลายปีแล้ว) จะได้รับการช่วยเหลือจากที่ไหนได้บ้างเหรอครับ กำลังกังวลใจเลยครับเรื่องงาน
ชยุต..นะครับ
บทความนี้เหมาะกับทุกสถานการณ์จริงๆ เหตุการณ์ไม่คาดคิดมักเกิดขึ้นได้เสมอแบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเป็นเรื่องการตกงานหรืการว่างงาน อยากจะให้เป็นเรื่องท้ายๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยล่ะครับ เพราะถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จะมีผลกระทบอีกหลายอย่างที่ตามมาแน่นอน เช็คกันก่อนเลยครับว่าตัวเองพอจะมีสิทธิหรือจะได้รับเงินชดเชยอะไรได้บ้าง